http://www.workpermitthai.com

visa and work permit for expatriates in thailand

ให้บริการขอทำใบอนุญาตทำงาน วีซ่าธุรกิจ แต่งงาน ครอบครัว 1 ปี สำหรับคนต่างชาติในประเทศไทย

หน้าแรก: รับทำวีซ่าและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยสำหรับคนต่างชาติ
บริการ: บริการงานคนต่างด้าวเพื่ออยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้อง
ราคาและใบเสนอราคา: สำหรับการทำวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
ใบอนุญาตทำงานไทย: กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และเอกสารที่จำเป็น
วีซ่าเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรไทย: ใบอนุญาตทำงานไทย: กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และเอกสารที่จำเป็น
วีซ่าคนอยู่ชั่วคราวและการขอตรวจลงตรา: การขอวีซ่าเพื่อเข้ามาในประเทศไทย
การขอตรวจลงตราและเปลี่ยนแปลงประเภทการตรวจลงตรา:ใบอนุญาตทำงานไทย: กฎระเบียบ หลักเกณฑ์และเอกสารที่จำเป็น
ติดต่อ: ขอรายละเอียดเพิ่มเติมและราคา

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กรมการจัดหางาน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
สถานกงสุล กระทรวงต่างประเทศ
 


  หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทต่างๆ จากกระทรวงต่างประเทศ
หรือจากสถานทูตไทยในต่างประเทศ
 
 


การตรวจลงตราประเภทคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร (Transit Visa)

1. การตรวจลงตราประเภทนี้จะออกให้แก่คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อการใดการหนึ่งดังต่อไปนี้
   -  เพื่อเดินทางผ่านราชอาณาจักร   ( รหัส TS )
   -  เพื่อเล่นกีฬา   ( รหัส S )
   -  เป็นผู้ควบคุมพาหนะหรือเป็นคนประจำพาหนะที่เข้ามายังท่า สถานี หรือท้องที่ในราชอาณาจักร
      ( รหัส C)
2. อายุวีซ่า 3 เดือน
3. ค่าธรรมเนียม 800 บาท ต่อครั้ง
4. ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 30 วัน
5. จำนวนเงินที่คนต่างด้าวต้องมีติดตัวขณะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรคือ   ต้องมีเงินหรือเอกสารที่จะพึงจ่ายหรือแลกเปลี่ยนได้เป็นมูลค่าเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยคนละไม่น้อยกว่า 20,000 บาท ครอบครัวละไม่น้อยกว่า 40,000 บาท
6. เอกสารที่ใช้ยื่นประกอบในการขอรับการตรวจลงตรา
  - หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง อายุใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  -  แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อความสมบูรณ์
  - รูปถ่ายขนาด 2 ? นิ้ว จำนวน 2 รูป ( ถ่ายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน /ไม่สวมหมวก และแว่นตาดำ)
  -  บัตรโดยสารเครื่องบิน ไป-กลับ หรือที่จะเดินทางไปยังประเทศที่สาม
  -  วีซ่าของประเทศที่สามในหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง   ( รหัส TS)
  -  หนังสือเชิญให้เข้าร่วมในการแข่งขันกีฬา   ( รหัส   S)
  -  หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ควบคุมพาหนะหรือเป็นคนประจำพาหนะที่เข้ามายังท่า สถานี หรือท้องที่ในราชอาณาจักร   ( รหัส C)
  -  ทั้งนี้ อาจขอให้แสดงเอกสารเพิ่มเติมหรือสัมภาษณ์ผู้ขอรับการตรวจลงตราด้วย

การตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยว ( Tourist Visa)

1. การตรวจลงตราประเภทนี้จะออกให้แก่คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว   ( รหัส TR)
2. อายุวีซ่า 3 เดือน หรือ 6 เดือน
3. ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท ต่อครั้ง
4. ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 30 หรือ 60 วัน
    หากผู้ได้รับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวมีสัญชาติของประเทศที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว หรือมีสัญชาติของประเทศที่มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรากับไทย จะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งละไม่เกิน 60 วัน หากเป็นผู้ที่มีสัญชาติอื่นจะได้รับอนุญาตให้พำนักครั้งละไม่เกิน 30 วัน
5. จำนวนเงินที่คนต่างด้าวต้องมีติดตัวขณะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรคือต้องมีเงินหรือเอกสารที่จะพึงจ่ายหรือแลกเปลี่ยนได้เป็นมูลค่าเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยคนละไม่น้อยกว่า 20,000 บาท ครอบครัวละไม่น้อยกว่า 40,000 บาท
6. เอกสารที่ใช้ยื่นประกอบในการขอรับการตรวจลงตรา
   -  หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง อายุใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  -  แบบฟอร์มขอวีซ่าที่กรอกข้อความสมบูรณ์
  -  รูปถ่ายขนาด 2 ? นิ้ว จำนวน 2 รูป ( ถ่ายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน / ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ)
  -  หลักฐานที่แสดงว่าจะเดินทางออกจากประเทศไทยหลังจากสิ้นสุดการท่องเที่ยว เช่น บัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ หรือที่จะเดินทางไปยังประเทศที่สาม
  -  เอกสารจากบริษัทท่องเที่ยว (กรณีที่เดินทางมากับบริษัททัวร์)
  -  ทั้งนี้ อาจขอให้แสดงเอกสารเพิ่มเติมหรือสัมภาษณ์ผู้ขอรับการตรวจลงตราด้วย

การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว ( Non-Immigrant Visa)

1. การตรวจลงตราประเภทนี้จะออกให้แก่คนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

  • การปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ (รหัส F)
  • การติดต่อหรือประกอบธุรกิจ และการทำงาน (ฺรหัส B)
  • การลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง (รหัส IM)
  • การลงทุนหรือการอื่นภายใต้ข้อบังคับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (รหัส IB)
  • การศึกษา ดูงาน และฝึกอบรมต่างๆ (รหัส ED)
  • การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน (รหัส M)
  • การเผยแผ่ศาสนาที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (รหัส R)
  • การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์หรือฝึกสอนในสถาบันการค้นคว้า หรือสถาบันการศึกษาในราชอาณาจักร    ( รหัส RS)
  • การปฏิบัติงานด้านช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ (รหัส EX)
  • การอื่น (รหัส O) ได้แก่
    1)  การเข้ามาใช้ชีวิตในบั้นปลายในฐานะผู้สูงอายุ
    2)  การเข้ามาในฐานะคู่ความหรือพยานสำหรับการพิจารณาดำเนินคดี
    3)  การปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในครอบครัวคนต่างด้าว ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทางการทูต กงสุลหรือปฏิบัติภารกิจอื่น โดยเป็นบิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว
    4)  การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคนรับใช้ส่วนตัวซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อมาทำงานตามปกติ ณ ที่พักอาศัยของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต หรือบุคคลซึ่งมีเอกสิทธิ์เท่าเทียมกัน กับบุคคลซึ่งมีตำแหน่งทางการทูตตามความตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ หรือกับองค์การ หรือทบวงการระหว่างประเทศ
    5)  การให้ความอุปการะแก่หรือรับความอุปการะจากบุคคลสัญชาติไทย หรือบุคคลผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยเป็นบิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว
    6)  การปฏิบัติหน้าที่ให้แก่รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การกุศลสาธารณะ
    7)  การเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้เคยมีสัญชาติไทย เพื่อเยี่ยมญาติ หรือขอกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร
    8) การเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการรักษาพยาบาล
    9) การเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อเป็นผู้ฝึกสอนนักกีฬาตามความต้องการของทางราชการ

2.   อายุวีซ่า
     -  3 เดือน สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้ครั้งเดียว ( single entry)
     -  1 ปี สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้หลายครั้ง ( multiple entries)
3.  ค่าธรรมเนียม 2,000 บาท ( single entry)  และ 5,000 บาท (multiple entries)
4. ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
5. จำนวนเงินที่คนต่างด้าวต้องมีติดตัวขณะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร คือ ต้องมีเงินหรือเอกสารที่จะพึงจ่ายหรือแลกเปลี่ยนได้เป็นมูลค่าเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยคนละไม่น้อยกว่า 20,000 บาท ครอบครัวละไม่น้อยกว่า 40,000 บาท
7. เอกสารที่ใช้ยื่นประกอบในการขอรับการตรวจลงตรา
เนื่องจากการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้าประเทศไทยหลายประการ   เอกสารหลักฐานที่ใช้ยื่นประกอบในการขอรับการตรวจลงตราจึงแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง   และสถานทูตสถานกงสุลอาจขอให้แสดงเอกสารเพิ่มเติมหรือสัมภาษณ์ผู้ขอรับการตรวจลงตราด้วย

เอกสารที่ต้องนำไปแสดง ได้แก่
- หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อความสมบูรณ์
- รูปถ่ายขนาด 2 ? นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน /ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ)

เอกสารประกอบตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง เช่น
การเข้ามาในฐานะเป็นบุคคลในครัวเรือนหรือในความอุปการะ   ( รหัส O)
- หลักฐานการเป็นบิดา มารดา บุตร / สูติบัตร / ใบสำคัญการสมรส
- หนังสือรับรองการทำงาน ใบอนุญาตทำงานที่ยังมีอายุใช้งาน ของผู้ที่ทำงานในประเทศไทย
- หลักฐานแสดงว่าคู่สมรสเป็นคนสัญชาติไทย หรือเป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หลักฐานแสดงฐานะทางการเงิน
- หนังสือจากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ แล้วแต่กรณี

เข้ามาเพื่อรับการรักษาพยาบาล (รหัส   O)
- หนังสือตอบรับจากสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐในประเทศไทย

คู่ความหรือพยานในศาล (รหัส   O)
- หนังสือหรือหมายจากศาลของไทย

การเข้ามาเพื่อใช้ชีวิตในฐานะผู้สูงอายุ   ( รหัส   O)
-  ผู้ร้องต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ระบุวัตถุประสงค์ว่าจะขอเข้ามาใช้ชีวิตในฐานะผู้สูงอายุหรือเกษียณ และจะไม่ทำงานในระหว่างพำนักในไทย
- หลักฐานแสดงฐานะทางการเงินหรือหลักฐานการได้รับเงินบำนาญ  
  ( ต้องมีเงินฝากไม่น้อยกว่า 200,000 บาท หรือมีรายได้/บำนาญไม่น้อยกว่าเดือนละ 65,000 บาท)
 ( หมายเหตุ  
     1.  เมื่อคนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศไทย เจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาอนุญาตให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 90 วัน   การขยายระยะเวลาพำนัก จะต้องติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
     2.  หากเป็นการขอขยายระยะเวลาพำนักระยะยาว คือ 1 ปี สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาโดยใช้หลักเกณฑ์การเข้าเมืองของคนต่างด้าวซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีบริบูรณ์ ซึ่งประสงค์จะขอรับการตรวจลงตราเพื่อเข้ามาพำนักในราชอาณาจักรคราวละไม่เกิน 1 ปี   รหัส O-A   โดยใช้หลักเกณฑ์ว่าผู้ร้องต้องมีหลักทรัพย์เป็นเงินฝาก 800,000 บาท หรือมีรายได้/บำนาญเดือนละ 65,000 บาท   หรือมีเงินฝากและรายได้รวมกันไม่น้อยกว่า 800,000 บาท)

นักเรียน / นักศึกษา   ( รหัส   ED)
-  หนังสือตอบรับจากสถานศึกษา
-  หนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กรณีเป็นโรงเรียนเอกชน)

นักบวชที่จะเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนา (รหัส   ED)
-  หนังสืออนุญาตจากสำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ
 
การปฏิบัติหน้าที่ราชการ ( รหัส   F ) การปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจ (รหัส B) การฝึกอบรม ดูงาน (รหัส ED)
-  หนังสือจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ องค์การระหว่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานรัฐบาล ที่เกี่ยวข้อง

การทำงาน (รหัส   B)
-  หนังสือกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แจ้งผลการพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในบริษัทฯ ที่ขอได้   ( ในการขอรับหนังสือกรมการจัดหางานดังกล่าว นายจ้างที่จะจ้างคนต่างด้าวต้องไปยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตทำงานหรือ แบบ ตท. 3  ณ กองงานคนต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กท 10400 โทร. 245-2745 / 617-6578 / 617-6584 โทรสาร 617-6576  หรือที่สำนักงานแรงงานจังหวัด ซึ่งหากอนุญาตให้คนต่างด้าวดังกล่าวมาทำงานได้ตามที่ขอ กระทรวงแรงงานจะมีหนังสือแจ้งผลการอนุญาต   ให้นายจ้างส่งหนังสือกรมการจัดหางานดังกล่าวให้คนต่างด้าวใช้เป็นเอกสารประกอบการขอวีซ่า)
-  หนังสือจากบริษัทในประเทศไทยที่จะจ้างงานบุคคลต่างด้าวดังกล่าวชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการจ้างงาน พร้อมทั้งแนบเอกสารของบริษัท เช่น ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทฯ หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดจากกระทรวงพาณิชย์ / บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น / ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ถ้ามี) / ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม / งบการเงินปีล่าสุด ฯลฯ
[ หมายเหตุ
1.  เมื่อคนต่างด้าวได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant Visa “B”) จากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่แล้ว เมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ให้ไปติดต่อกองงานคนต่างด้าว   เพื่อยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตทำงาน ( Work Permit) และเมื่อได้รับใบอนุญาตทำงานแล้ว จึงจะสามารถทำงานได้
2.  ในกรณีของคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 1 ปี นายจ้างจะต้องยื่นคำร้องต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมื่อได้รับพิจารณาอนุมัติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะแจ้งให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ทราบโดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอให้ตรวจลงตรา Non-Immigrant Visa รหัส   B-A  ซึ่งพำนักได้ 1 ปี ให้แก่คนต่างด้าวนั้นต่อไป ]

การติดต่อธุรกิจ (รหัส B)
-  หนังสือรับรองการทำงานของบริษัทที่ผู้ร้องทำงานอยู่ รวมทั้งระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทางไปประเทศไทย ชื่อบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานที่จะไปติดต่อ
-  หลักฐานแสดงฐานะทางการเงินหรือการทำธุรกิจของผู้ร้อง ( กรณีไม่ได้ทำงานกับริษัทหรือหน่วยงานใดๆ)
-  หลักฐานแสดงสถานะทางการเงิน/โครงการที่จะเข้ามาประกอบในประเทศไทย ( กรณีประสงค์จะเข้ามาเป็นผู้ประกอบกิจการในประเทศไทย)
-  หนังสือเชิญของบริษัทในประเทศไทยให้ผู้ร้องเดินทางไปประเทศไทยเพื่อติดต่อธุรกิจ   ( โดยต้องแนบเอกสารของบริษัท เช่น ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทฯ หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดจากกระทรวงพาณิชย์ / บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น / ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ถ้ามี) / ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม / งบการเงินปีล่าสุด ฯลฯ)
-  กรณีผู้ร้องอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของบริษัท ต้องมีสำเนาหนังสือแต่งตั้งบุคคลของบริษัทยื่นประกอบด้วย
( หมายเหตุ
1.  สำเนาเอกสารของบริษัทฯ จะต้องให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทหรือหุ้นส่วนผู้จัดการลงนามและประทับตรารับรอง โดยต้องแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงนามด้วย
2. กรณีหนังสือของบริษัท ควรได้รับการรับรองจากสำนักงานทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์ อายุไม่เกิน 6 เดือน – 1 ปี เนื่องจากบริษัทหลายแห่งมิได้ดำเนินธุรกรรมใดๆ ในปัจจุบัน แต่นำเอกสารบริษัทเดิมไปใช้ในการรับรอง )
3. ตัวอย่างหนังสือเชิญของบริษัท

ครู / อาจารย์ในสถาบันการศึกษาเอกชน   ( รหัส   B)
-  หนังสือตอบรับการจ้างจากสถาบันการศึกษา  
-  หนังสืออนุมัติให้จ้างบุคคลดังกล่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช) หรือจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ส่วนภูมิภาค)
-  หลักฐานวุฒิการศึกษา
-  หนังสือรับรองว่าไม่มีประวัติอาชญากรรม

การตรวจลงตราประเภททูต ( Diplomatic Visa)

1.  การตรวจลงตราประเภทนี้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตหรือกงสุล หรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และผู้ร้องจะต้องถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ ( UN Laissez-Passer) ซึ่งเทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตเท่านั้น
2.  ผู้ร้องจะต้องแสดงหนังสือนำจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากสถานเอกอัครราชทูตของประเทศผู้ขอ หรือจากหน่วยงานหรือองค์กรของสหประชาชาติที่ผู้ร้องสังกัดอยู่ โดยหนังสือรับรองจะต้องระบุชื่อ ตำแหน่ง และวัตถุประสงค์การเดินทางให้ชัดเจน
3.  ยกเว้นค่าธรรมเนียม
4.  ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 90 วัน

การตรวจลงตราประเภทราชการ ( Official Visa)

1.  การตรวจลงตราประเภทนี้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ และผู้ร้องจะต้องถือหนังสือเดินทางราชการหรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ ( UN Laissez-Passer) ซึ่งเทียบเท่าหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น
2.  ผู้ร้องจะต้องแสดงหนังสือนำจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุล/หน่วยราชการ ของประเทศผู้ขอ หรือจากหน่วยงาน หรือองค์กรของสหประชาชาติที่ผู้ร้องสังกัดอยู่ หรือจากหน่วยราชการของไทย โดยหนังสือรับรองจะต้องระบุชื่อ ตำแหน่ง และวัตถุประสงค์การเดินทางให้ชัดเจน
3.  ยกเว้นค่าธรรมเนียม
4.  ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 90 วัน

การตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรี ( Courtesy Visa)

1. การตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรีจำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    - การขอรับการตรวจลงตราของผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการ หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการ เพื่อการอื่นนอกจากการเข้ามาประจำการในราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติหน้าที่การทูต หรือกงสุล หรือราชการ
    - การขอรับการตรวจลงตราของผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ซึ่งประสงค์จะเข้ามาในราชอาณาจักรในฐานะเป็นพระราชอาคันตุกะ ราชอาคันตุกะ แขกของรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ
2. เอกสารประกอบในการขอรับการตรวจลงตรา
   - หนังสือเดินทาง
   - แบบฟอร์มคำร้องขอรับการตรวจลงตราที่กรอกข้อความสมบูรณ์ พร้อมรูปถ่าย
   - หนังสือนำจากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุล/หน่วยราชการ ของประเทศผู้ร้อง หรือจากหน่วยงานหรือองค์กรของสหประชาชาติที่ผู้ร้องสังกัดอยู่ หรือจากหน่วยราชการของไทย โดยหนังสือรับรองจะต้องระบุชื่อ ตำแหน่ง และวัตถุประสงค์การเดินทางให้ชัดเจน
3.  อายุวีซ่า 3 เดือน หรือ 6 เดือน สามารถเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้หลายครั้ง ( multiple entries)
4.  ระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน 30 วัน
5.  ไม่เก็บค่าธรรมเนียม
6. การขยายระยะเวลาพำนัก เมื่อครบกำหนดตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว โดยทั่วไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะไม่อนุญาตให้อยู่ต่อไป   เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัยไม่สามารถเดินทางออกไปได้   โดยในการขอยื่นคำร้องขออยู่ต่อที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะต้องมีหนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศแจ้งขอเป็นรายๆ ไป เพื่อนำเรื่องเสนอผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งการ และต้องเสียค่าธรรมเนียมการขอ

การตรวจลงตราสำหรับการเข้ามาเพื่อติดต่อธุรกิจ ใช้ได้หลายครั้งภายใน 3 ปี ( Three-Year Non-Immigrant Visa  “B” )

คนต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อติดต่อธุรกิจ และจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาบ่อยครั้ง สามารถขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว รหัส B ใช้เดินทางเข้าประเทศไทยได้หลายครั้ง อายุ 3 ปี   (Three-Year Non-Immigrant Visa “B” )
คนต่างชาติที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้หลายครั้ง ภายใน 3 ปี และพำนักได้ครั้งละไม่เกิน 90 วัน   ทั้งนี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย

 1.  สถานที่ยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตรา
     คนต่างชาติที่ประสงค์จะขอรับการตรวจลงตราประเภท Three-Year Non-Immigrant Visa  รหัส “B”  สามารถยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตราได้ที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่ผู้ขอรับการตรวจลงตรามีถิ่นพำนักเท่านั้น   หรือหากไม่มีสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยตั้งอยู่ในประเทศที่ผู้ขอรับการตรวจลงตรามีถิ่นพำนัก   ให้ยื่นคำร้องได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยที่ดูแลประเทศดังกล่าว   ทั้งนี้ ไม่สามารถยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตราที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทย ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจลงตราประเภทดังกล่าว
      หากประสงค์จะสอบถามเกี่ยวกับสถานที่ยื่นคำร้องฯ หรือรายละเอียดเกี่ยวกับการขอรับการตรวจลงตราประเภท Three-Year Non-Immigrant Visa  “B”  สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสถานกงสุลใหญ่ของไทย   สำหรับที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ดูได้จาก www.mfa.go.th/web/10.php

 2.  เอกสารประกอบการยื่นคำร้องฯ  
     -  แบบฟอร์มคำร้องขอรับการตรวจลงตราซึ่งกรอกข้อความครบถ้วนสมบูรณ์
     -  หนังสือเดินทางซึ่งมีอายุการใช้เดินทางที่เพียงพอ
     -  รูปถ่ายซึ่งถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
     -  เอกสารประจำตัว เช่น บัตรประชาชน เอกสารแสดงการมีถิ่นพำนัก  
     -  หลักฐานเกี่ยวกับการทำงานของผู้ขอรับการตรวจลงตรา เช่น ใบรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงาน   หรือในกรณีที่มีธุรกิจของตนเอง ให้แสดงหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของตน
     -  หนังสือรับรองการเป็นสมาชิกหอการค้า สมาคมทางธุรกิจ หรือสถาบันอื่นที่เทียบเท่าของประเทศนั้น ๆ
     -  หลักฐานแสดงว่ามีการติดต่อธุรกิจในประเทศไทยเป็นประจำ เช่น อาจแสดงหนังสือรับรองหรือหลักฐานการติดต่อธุรกิจกับบริษัทหรือหน่วยงานในประเทศไทย พร้อมทั้งแสดงเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว (เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น รายละเอียดการดำเนินกิจการของบริษัท รายการภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้า ภ.ง.ด. 50  ภ.ง.ด. 30  ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 20  งบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัท   แผนที่ที่ตั้งบริษัท เป็นต้น )
      ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในแต่ละประเทศอาจขอรับเอกสารประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา

 3.  ค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา        10,000  บาท

หมายเหตุ     -   การพิจารณาตรวจลงตราขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่
                   -   ค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราที่จ่ายให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่แล้วไม่สามารถขอรับคืนได้

 

 
  ข้อมูลเพิ่มเติม  
 

* คนต่างด้าวที่ประสงค์จะขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยหรือเปลี่ยนแปลงประเภทวีซ่า   ต้องยื่นคำร้อง ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู ถนนสาธรใต้ กรุงเทพฯ 10120 โทร. 0-2287-3101-10 เว็บไซต์ http://www.immigration.go.th/ การพิจารณาอนุมัติขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง

** ข้อมูลจาก กระทรวงต่างประเทศ http://www.consular.go.th

 
     

___________________________________________________________
| หน้าแรก | บริการ | ราคาและรายละเอียดใบเสนอราคา |
| ใบอนุญาตทำงาน | วีซ่าอยู่ในราชอาณาจักร 1 ปี | การขอตรวจลงตราจากต่างประเทศ |
| การขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา(วีซ่า)ในประเทศไทย | ติดต่อ |

Premier Solicitor Office
954/3 CHAN ROAD (SOI WAT PAI-NGERN), BANGKLO, BANGKORLAEM BANGKOK 10120 THAILAND
Tel / Fax: +66 (0) 2212-9100 Mobile +66 (0) 81 567-0800 E-mail : issa_th@yahoo.com (Khun Issara)

 

copyright © 2008 Premier Solicitor